กาแฟต้นแรกในระบบอนุรักษ์ดิน น้ำ ป่า ลงรากตั้งต้น ด้วยความร่วมมือระหว่างโครงการหลวง และ ปตท.

กาแฟต้นแรกในระบบอนุรักษ์ดิน น้ำ ป่า ลงรากตั้งต้น ด้วยความร่วมมือระหว่างโครงการหลวง และ ปตท.

         นำผลผลิตกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า มาตรฐาน GAP สู่คอกาแฟผ่านคาเฟ่อเมซอน ส่งเสริมวิถีธรรมชาติ ด้วยการปลูกกาแฟควบคู่การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และสนับสนุนอาชีพเกษตรกรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

           หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง เป็นประธาน ในงานปลูกกาแฟระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติภายใต้การดำเนินงานโครงการวิจัยและพัฒนาการปลูกและการผลิตกาแฟระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยความร่วมมือของ มูลนิธิโครงการหลวง และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บ้านป่ากล้วย ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ โดยมี คุณชวลิต พันธ์ทองรองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมในงานนำร่องการปลูกกาแฟมาตรฐาน GAP ตามแนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

Ptt280858

ปตท. เล็งเห็นถึงความตั้งใจและศักยภาพในการวิจัยและพัฒนากาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า ของมูลนิธิโครงการหลวง จึงเป็นที่มาของความร่วมมือในการจัดทำ “โครงการวิจัยและพัฒนาการปลูกและผลิตกาแฟระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” และ โครงการซื้อขายเมล็ดกาแฟดิบจากเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ผ่านมูลนิธิโครงการหลวง” เมื่อเดือนกรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา เพื่อส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในพื้นที่ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในพื้นที่ดำเนินโครงการรักษ์ป่า สร้างคน 84 ตำบล วิถีพอเพียง ของ ปตท. ให้เกิดความเข้มแข็งบนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเอง และการพัฒนาอย่างสมดุลตามแนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในเรื่องของการพัฒนาอาชีพ การเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของคนในชุมชน ทั้งยังเน้นกระบวนการผลิตที่ปลอดภัย ด้วยวิธีการปลูกแบบผสมผสานกับพืชท้องถิ่นภายใต้ร่มเงาของไม้ยืนต้นธรรมชาติ ฟื้นฟูและอนุรักษ์พื้นที่ป่าต้นน้ำ เพื่อรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม

Ptt280858 2

            ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา โครงการหลวงและ ปตท. ได้ร่วมกัน จัดทำข้อมูลพื้นฐานของพื้นที่ อาทิ ข้อมูลสภาพแวดล้อมก่อนการดำเนินงาน ข้อมูลเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 5 หมู่บ้าน ,จัดหาพื้นที่ดำเนินโครงการ 2 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ปลูกกาแฟดั้งเดิม ผ่านระบบ GAP จำนวน 1 ไร่ 2 งาน 181 ตรว. และ พื้นที่ปลูกกาแฟใหม่ จำนวน 120 ไร่ , การจัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่ปลูกกาแฟใหม่ จำนวน 350 ไร่ โดย กรมพัฒนาที่ดินสนับสนุนการปลูกหญ้าแฝกกว่า 200,000 กล้า เพื่อป้องกันการพังทลายของหน้าดิน สร้างบ่อน้ำระบบอนุรักษ์จำนวน 7 บ่อ และการเตรียมกล้าไม้เพื่อปลูกในพื้นที่ใหม่ ประกอบด้วย กล้ากาแฟ จำนวน 65,000 กล้า และกล้าไม้ร่มเงาจำนวน 2,500 กล้า

            นายชวลิต เปิดเผยว่า ด้วยความมุ่งมั่นของ ปตท. ในการดำเนินธุรกิจพลังงานอย่างครบวงจรตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนแล้ว ยังได้ก่อตั้ง ธุรกิจกาแฟในชื่อ คาเฟ่อเมซอน (Café Amazon)” ตั้งแต่ พ.ศ.2545 เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์ให้ครบวงจรกับสถานีบริการน้ำมันของ ปตท. และได้มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วจนมีจำนวนสาขากว่า 1,200 สาขาทั่วประเทศ ทำให้ทางบริษัทต้องการเมล็ดกาแฟคุณภาพที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งโดยส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเนื่องจากผลผลิตเมล็ดกาแฟภายในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงมองเห็นโอกาสที่จะสามารถสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในประเทศ ผ่านทางมูลนิธิโครงการหลวง ให้สามารถเพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนให้ดีขึ้น

Ptt280858 3

              ปตท. เชื่อมั่นว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นแบบอย่างของการพัฒนาอย่างยั่งยืน สามารถสร้างประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ตามแนวทางที่ ปตท. ยึดถือเป็นเจตนารมณ์ในการดำเนินงานมาโดยตลอด และก่อให้เกิดชุมชนต้นแบบการผลิตกาแฟตามหลัก GAP เกิดความเข้มแข็งบนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเอง และการพัฒนาอย่างสมดุลตามแนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งในมิติของการพัฒนาทักษะอาชีพ การเสริมสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของคนในชุมชน การมีส่วนร่วมฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะป่าต้นน้ำให้คงอยู่เกิดการต่อยอดและการเผยแพร่องค์ความรู้สู่ชุมชนอื่น ๆ บนพื้นฐานของความยั่งยืนต่อไป